วิธีเลือกประตูห้องให้ตอบโจทย์

วิธีเลือกประตูห้องให้ตอบโจทย์
วิธีเลือกประตูห้องให้ตอบโจทย์

วัดขนาดประตูห้องให้พอดี ก่อนจะติดตั้งประตู เราจำเป็นต้องวัดขนาดของพื้นที่การติดตั้งประตูเพื่อให้ได้ขนาดที่พอดีกับวงกบ และคำนวณพื้นที่เผื่อสำหรับเปิดปิดประตู ซึ่งแต่ละห้องมักจะมีขนาดของวงกบหรือบานประตูมาตรฐานโดยส่วนใหญ่ ดังนี้ ขนาด 70 x 200 เซนติเมตร 70 x 180 เซนติเมตร ใช้กับประตูห้องน้ำ , ขนาด 80 x 200 เซนติเมตร 90 x 200 เซนติเมตร ใช้กับประตูห้องนอน หลังบ้าน , ขนาด90 x 200 เซนติเมตร 100 x 200 เซนติเมตร ใช้กับประตูบานเดี่ยวหน้าบ้าน หรือบานทั่วไป

ภายนอก VS. ภายใน ประตูห้องของคุณอยู่ตำแหน่งไหน ตำแหน่งในการติดตั้งประตูระหว่างนอกบ้านและในบ้านมีความแตกต่างกันในด้านวัสดุของบานประตู ซึ่งมีความสำคัญในแง่ของความทนทานและความสวยงาม รวมถึงระดับราคา โดยสามารถแบ่งประเภทบานประตูตามลักษณะการใช้งาน ได้แก่ การใช้งานภายนอก เช่น ประตูหน้าบ้าน หลังบ้าน ระเบียง ซึ่งจำเป็นต้องมีความแข็งแรงทนทาน โดยเฉพาะสภาพดินฟ้าอากาศทั้งไอความร้อน ความชื้น ฝนตก แดดออก ทำให้ต้องพิจารณาใช้บานประตูที่มีอายุการใช้งานเป็นหลัก สำหรับบานประตูที่แนะนำ ได้แก่ บานอะลูมิเนียม ยูพีวีซี หรืออาจจะใช้ไม้เนื้อแข็ง ซึ่งใช้ได้ในบริเวณที่ไม่ปะทะกับแดดฝนโดยตรง โดยสามารถสร้างชายคาหรือกันสาดคลุมป้องกันน้ำฝนบริเวณหลังบ้านได้ เพื่อเลี่ยงปัญหาการผุพัง บิดงอ ปลวกที่มักจะเกิดกับบานประตูไม้ อย่างไรก็ตาม ประตูที่ใช้นอกบ้านอาจจะมีปัญหาการรั่วซึมได้หากช่างขาดความชำนาญในการติดตั้ง การใช้งานในบ้าน เช่น ประตูห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องน้ำ ห้องเก็บของ โดยแต่ละห้องสามารถเลือกใช้วัสดุได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น บานไม้สังเคราะห์ ไม้จริง ไม้สัก อะลูมิเนียม ยูพีวีซี ซึ่งมีข้อดี และข้อเสียในรายละเอียดให้สามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการที่แตกต่างกัน ขณะที่ประตูห้องน้ำ ซึ่งไม่ได้กั้นส่วนอาบน้ำเฉพาะ นับเป็นประตูห้องที่เราต้องให้ความสำคัญพิจารณาเป็นพิเศษคล้ายกับประตูที่ใช้งานภายนอก เนื่องจากต้องเผชิญกับน้ำและความชื้น ทำให้มีโอกาสผุพังหรือบวมได้หากใช้ประตูบานไม้ ดังนั้น เราอาจจะเลือกใช้ประตูแบบยูพีวีซีที่ทนต่อความชื้นได้ดีกว่า เพื่อการใช้งานในระยะยาว

เลือกประเภทประตูห้อง นอกเหนือจากตำแหน่งการติดตั้งประตูที่ต้องพิจารณาแล้ว เรายังต้องให้ความสำคัญกับการเลือกประตู โดยคำนึงถึงการใช้งานที่เหมาะสมสอดคล้องกับแต่ละห้องร่วมด้วย เช่น ประตูบานเปิด ซึ่งสามารถเปิดกว้าง 180 องศา โดยต้องเผื่อเนื้อที่การเปิดปิดประตูไว้ฝั่งหนึ่งของผนัง และประตูบานสวิงที่มีลักษณะคล้ายกับประตูบานเปิด แต่สามารถผลักเข้าออกได้ทั้งสองฝั่งของผนัง สำหรับพื้นที่ที่เข้าออกเป็นประจำ นอกจากนั้น เรายังอาจจะเลือกใช้ประตูบานเฟี้ยม ซึ่งเปิดกว้างกว่าประตูรูปแบบอื่น แต่เปิดได้สุดไม่กินพื้นที่ในบ้าน จากการนำประตูบานเล็กต่อกันด้วยบานพับและพับทบสลับกันไว้ ทำให้ได้รับความนิยมใช้เป็นฉากกั้นแบ่งพื้นที่้ห้องต่าง ๆ ทั้งยังนำมาตกแต่งบ้านให้สวยงามได้ รวมถึงประตูบานเลื่อนที่นิยมนำมาใช้กั้นห้องและเป็นประตูทางเข้าหน้าบ้าน-หลังบ้าน ทั้งแบบบานเลื่อนเดี่ยว และบานเลื่อนคู่แบบกระจกใสที่เปิดให้เห็นวิวทิวทัศน์และแสงจากธรรมชาติสาดส่องเข้ามาช่วยให้บ้านสว่างมากขึ้น แม้ปัจจุบันจะมีประตูให้เลือกสรรหลากหลายวัสดุและดีไซน์การออกแบบที่สามารถตอบโจทย์การแต่งห้องได้เป็นอย่างดี แต่เราต้องไม่ลืมให้ความสำคัญกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้งานได้ในระยะยาว และเผื่องบประมาณไว้สำหรับจ้างช่างที่มีความชำนาญติดตั้งประตูด้วย