โหมด DRY และ COOL บนรีโมทแอร์ โหมดไหนประหยัดไฟกว่ากัน

โหมด DRY และ COOL บนรีโมทแอร์ โหมดไหนประหยัดไฟกว่ากัน
โหมด DRY และ COOL บนรีโมทแอร์ โหมดไหนประหยัดไฟกว่ากัน

โหมด DRY แปลตรงตัวเลยก็คือ “โหมดทำความแห้ง” หรือ “โหมดดูดความชื้น” ในบางวันที่ฝนตกหนัก ๆ หรืออากาศหนาว ทำให้เวลาอยู่ในห้องแอร์แล้วเกิดรู้สึกอึดอัด นั่นเป็นเพราะค่าความชื้นในอากาศนั้นสูงขึ้น ซึ่งโดยปกติแล้ว แอร์จะลดความชื้นในอากาศอยู่แล้ว เมื่อใดก็ตาม ที่ไอน้ำที่ลอยอยู่ในอากาศมาเจอกับความเย็นจัดที่แผงคอยล์เย็น ก็จะเกิดความควบแน่น รวมเป็นน้ำที่หยดลงบนถาดรองน้ำแอร์ และไหลออกไปทางท่อน้ำทิ้ง ซึ่งจะทำให้อากาศในห้องแห้งลง อย่างไรก็ตาม เวลาที่ฝนตก อากาศจะเย็นอยู่แล้ว แอร์ที่เปิดไว้ทำงานได้ไม่นานก็จะตัด นอกจากความชื้นยังไม่ทันออกไปแล้ว ยังทำให้รู้สึกอัดอัดมากขึ้นด้วย โหมด DRY นี้ จึงมีไว้เพื่อควบคุมความชื้นในอากาศ และทำให้แผงคอยล์เย็นที่สุดเพื่อรีดความชื้นออกไปให้ได้มากที่สุด โดยไม่สนใจตัวเลขอุณหภูมิ ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างจากโหมดทั่วไป หรือโหมด COOL เพราะ โหมด COOL มีหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิ แอร์จะตัดตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้ หากอุณหภูมิต่ำกว่า ก็จะไม่ทำงาน คือ ไม่ทำทั้งความเย็นและไม่รีดความชื้น มีแต่พัดลมที่ทำงาน เหมาะสำหรับตอนที่อากาศร้อน ๆ

แต่โหมดไหนประหยัดไฟมากกว่ากัน ก็ต้องเป็นโหมด DRY แน่นอน เพราะพัดลมแอร์ไม่ได้ทำงานเพื่อดูดลมร้อนเข้ามาตลอดเวลาเหมือนกับโหมด COOL แต่ประเทศไทยมีสภาพอากาศที่ร้อนเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เราไม่มีโอกาสได้เปิดโหมด DRY บ่อยมากนัก ยกเว้นแต่ในวันที่ฝนตก หรืออากาศเย็น ถ้าเป็นวันที่ร้อนแบบทั่วไปก็เปิดเป็นโหมดปกติ หรือโหมด COOL